วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

คอมพิวเตอร์ที่มีระบบ Hot Swap มีประโยชน์อย่างไร

เครื่องคำนวณเชิงกราฟ TI มีประโยชน์ในการใช้งานอะไร อย่างไร

ครื่องคำนวณเชิงกราฟ TI-84 Plus

คุณลักษณะสำคัญของเครื่อง
จอภาพขนาด 8 บรรทัด บรรทัดละ 16 ตัวอักษร (64 x 96 พิกเซล)
ตัวเครื่องมีขนาด 192 x 89 x 27 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 262 กรัม
ใช้แบตเตอรี่ชนิดอัลคาไลน์ ขนาด AAA จำนวน 4 ก้อน
มีฝาแบบเลื่อนได้เพื่อป้องกันการกระแทก
สามารถใช้ร่วมกับ TI View Screen และ TI-Presenter เมื่อต่อเข้ากับ TI- 84 Plus Presentation Link adaptor
สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริม CBL2 และ CBR เพื่อสร้างกิจกรรมทางคณิตศาสตร์ได้
การประมวลผลจะเร็วกว่าเครื่องคำนวณรุ่นTI-83 Plus อยู่ 2.5 เท่า
จอภาพขนาด 8 บรรทัด แต่ละบรรทัดมี 16 ตัวอักษร
มีหน่วยความจำ 504 Kbytes แบ่งเป็น RAM 24 Kbytes และ Flash ROM 480 Kbytes
ใช้แบตเตอรี่ขนาด AAA จำนวน 4 ก้อน และแบตเตอรี่แบคอัพแบบซิลเวอร์ออกไซด์ เพื่อป้องกันข้อมูลหายขณะเปลี่ยนแบตเตอรี่หลัก
ระบบหน่วยความจำเป็นแบบ Flash memory ที่สามารถเก็บข้อมูล และสามารถอัพเกรด ระบบปฏิบัติการของเครื่อง (Operating System) หรือโปรแกรมประยุกต์ (Application) ที่พัฒนาจาก TI ซึ่งข้อมูลที่อยู่ในระบบ Flash memory นี้ แม้ไม่มีแบตเตอรี่สำรอง ก็จะไม่ทำให้ข้อมูลสูญหาย
มีฝาแบบเลื่อนได้เพื่อป้องกันการกระแทก
มีฟังก์ชันของนาฬิกาไว้บอกวันที่ และ เวลา
โปรแกรมประยุกต์ (Application) ที่โหลดไว้ในตัวเครื่อง ได้แก่
Cabri Jr.
CBL /CBR
Conic Graphing
Inequality Graphing
StudyCard
Science Tools
TimeSpan
Topics in Algebra 1 ,Chapter 1-4
Topics in Algebra 1 ,Chapter 5
Probability Simulations
Transformation Graphing

แบ่งหน้าจอภาพเพื่อแสดงผลได้ 2 แบบ คือ แบ่งตามแนวนอน และแบ่งตามแนวตั้ง
คำนวณได้ทั้งในระบบจำนวนจริง และจำนวนเชิงซ้อน มีความละเอียดในการคำนวณ 14 หลัก แต่จะแสดงผลได้ 10 หลัก และ เพิ่มเอ็กโพเนนอีก 2 หลัก
สามารถคำนวณค่าของ Hyperbolic Functions cosh sinh tanh และ arc ได้
กราฟของฟังก์ชันได้ 10 สมการ กราฟของฟังก์ชันพารามิเตอร์(Parameter Function)ได้ 6 ฟังก์ชัน กราฟของฟังก์ชันเชิงขั้ว (Polar form) ได้ 6 ฟังก์ชัน และกราฟของอนุกรม(Sequences)ได้ 3 อนุกรม
แสดงกราฟของฟังก์ชันได้ 10 สมการพร้อมกัน บันทึกกราฟและวิเคราะห์กราฟได้ในเวลาเดียวกัน
เขียนกราฟของฟังก์ชัน โดยกำหนดช่วงของโดเมนได้
สามารถ Zoom เพื่อย่อขยายกราฟได้ 14 คำสั่ง
แสดงกราฟของสมการด้วยลักษณะของเส้นที่แตกต่างกันได้ 7 แบบ
วิเคราะห์กราฟของฟังก์ชันได้ เช่น การหาค่าของฟังก์ชัน การหาค่าราก ค่าสูงสุด หรือค่าต่ำสุดของฟังก์ชัน การหาอินทิกรัล การหาอนุพันธ์
แสดงค่า x และ y ของฟังก์ชัน ในรูปตารางได้ กำหนดค่าในการแสดงตารางได้
สามารถสร้างเมทริกซ์ได้ 10 เมทริกซ์ โดยมีมิติได้สูงสุด 50 ? 50 ( ขึ้นอยู่กับความจำ )
สามารถคำนวณและดำเนินการเกี่ยวกับเมตริกซ์ (Matrix) ได้แก่ การหา Inverse ,determinant ,transpose , augment, reduced row echelon form และ elementary row operations
สามารถตั้งชื่อชุดข้อมูล (List) ได้ และสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่า 999 ข้อมูล
การวิเคราะห์พื้นฐานของข้อมูล ทางสถิติ จะประกอบไปด้วย
วิเคราะห์ข้อมูลแบบ 1 ตัวแปร หรือ 2 ตัวแปร ได้
การหาสมการความสัมพันธ์(Regression equation) ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ 9 รูปแบบ เช่น สมการเชิงเส้น สมการควอดราติก สมการกำลังสาม สมการเอกโปเนนเชียล สมการลอการิทึม และสมการความสัมพันธ์ ในรูปของฟังก์ชันตรีโกณ Sin x



แสดงกราฟทางสถิติ ได้ 3 รูปแบบพร้อมกัน บันทึกและวิเคราะห์กราฟได้ในเวลาเดียวกัน ลักษณะของกราฟมี 6 รูปแบบ คือ แผนภาพการกระจาย กราฟเส้นตรง ฮีสโทรแกรม กราฟ Box Plot 2 รูปแบบและ normal probability plot
การดำเนินการทางสถิติชั้นสูง ทั้งการทดสอบสมมุติฐานและการวิเคราะห์ความแปรปรวน ในรูปแบบต่าง ๆ 16 เรื่อง เช่น Z-Test , T-Test ,F-Test ,Chi-square Test และ ANOVA เป็นต้น
ฟังก์ชัน Proability Distribution ต่างๆ 15 เรื่อง เช่น แบบ Normal แบบ Student-t แบบ Chi-Square แบบBinomial และ แบบpoisson
มีฟังก์ชันการเงินได้แก่ Time-Value-of –Money (TVM) ,Cash Flow ,amortization
สามารถแก้สมการที่มีตัวแปรต่าง ๆ กัน
เรียกใช้คำสั่งการทำงานของเครื่อง ทั้งหมดได้จาก เมนู CATALOG
สามารถดำเนินการเกี่ยวกับโปรแกรมภาษาเบสิคทั้งการสร้าง การแก้ไข และการ RUN โปรแกรม
เมื่อต่อเข้ากับ TI- 84 Plus Presentation Link adaptor ( อุปกรณ์เสริม ) สามารถใช้ร่วมกับ View Screen เพื่อแสดงภาพผ่านเครื่องฉายข้ามศีรษะ
เมื่อต่อเข้ากับ TI- 84 Plus Presentation Link adaptor ( อุปกรณ์เสริม ) สามารถใช้ร่วมกับ TI-Presenter เพื่อแสดงภาพผ่านโปรเจคเตอร์หรือโทรทัศน์ได้
สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริม Calculator - Based Laboratory ( CBL ) และ Calculator – Based Ranger ( CBR ) เพื่อการเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์
ใช้ร่วมกับสาย USB Unit-to-Unit Link Cable เพื่อการรับส่งข้อมูลจากเครื่องหนึ่ง ไปยังอีกเครื่องหนึ่ง
สามารถรับ-ส่งข้อมูลกับเครื่อง TI-83 TI-83 Plus TI-83 Plus Silver Edition TI- 84 plus และ TI-84 Plus Silver Editonไ

อุปกรที่ใช้ในการติดตั้ง network ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง


ขั้นตอนการติดตั้ง1. ติดตั้งอุปกรณ์ Modem ให้เรียบร้อย ถ้าเป็นแบบภายนอกก็ติดตั้งเองได้ แต่ถ้าเป็นแบบ
ภายในควรให้ช่างผู้ชำนาญในการติดตั้งเป็นอยู่ติดตั้งให้ และต่อเชื่อมสารโทรศัพท์บ้านเข้ากับ ช่อง Line ของ Modem
2. เลือกผู้ให้บริหารอินเทอร์เน็ตเพื่อติดต่อกับผู้ใช้บริการ จะได้ Username และ Password เพื่อใช้ในการติดต่อ
3. สร้าง Shortcut เพื่อเชื่อมต่อระหว่างเครื่องเรากับผู้ให้บริการ มีวิธีการสร้างดังนี้
สำหรับ Windows2000 หรือ Windows XP

1. คลิกที่ Start เลือกคำสั่ง Setting เลือก Network and Dial-Up Connections
2. ดับเบิลคลิกที่ Make New Connection จะปรากฎภาพดังนี้
3. คลิกที่ปุ่ม Next แล้วเลือก Dial-up to private network คลิก Next
4. จะปรากฎข้อมูลดังรูปนี้ ให้เลือกเติมข้อมูลดังนี้
4.1 คลิกที่นี้
4.2 คลิกที่ช่อง Phone Number พิมพ์หมายเลขโทรศัพท์ที่จะใช้ในการติดต่อที่ได้มา
เช่น 044742999 เป็นต้น
4.3 คลิกปุ่ม Next เมื่อบันทึกรายการเสร็จ
5. จะปรากฎข้อมูลดังรูปนี้ คลิกปุ่ม Next
6. จะปรากฎดังภาพต่อไปนี้
6.1 เปลี่ยนชื่อให้ตรงตามผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
6.2 คลิกเพื่อสร้าง Shortcut ไปไว้ที่หน้าจอ
7.1 ใส่ Username ให้ตรงกับที่ได้พิมพ์ให้เหมือนทุกตัว
7.2 ใส่ Password ให้ตรงกับที่ได้
พิมพ์ให้เหมือนทุกตัว

7.3 คลิกที่ปุ่ม Dial เพื่อเริ่มเชื่อมต่อ

การเข้าสาย lanมีกี่แบบแต่ละแบบเหมาะกับงานใดวิธีเข้าอย่างไร

ธีการเข้าสาย UTP กับขั้วต่อ RJ45
       1. นำสาย UTP มาปอกฉนวนหุ้มที่ปลายสายทั้งสองด้านยาวประมาณ 3 ซ.ม. เมื่อปอกแล้วจะพบเห็นสายอยู่ 4 คู่ บิดเป็นเกลี่ยวแยกสีไว้ชีดเจน
       2. คลายเกลียวที่สายออก แล้วแรียงสายตามสีที่กำหนด แบ่งการเชื่อมต่อสายสัญญาณได้ 2 วิธี
              2.1 สายสัญญาณชนิดที่เชื่อมต่อจากคอมพิวเตอร์เข้า Hub หรือ Switch การเชื่อมต่อแบบนี้จะมีการเรียงสีเพื่อเข้าขั้ว RJ45 เหมือนกันทั้งสองด้าน
รูปแสดง การเรียงสีของสาย UTP
ชนิดที่เชื่อมต่อจากคอมพิวเตอร์เข้า Hub หรือ Switch ความเร็ว 100 Mbps    
หัวสายด้านที่ 1
ลำดับสายที่
หัวสายด้านที่ 2
ขาว
ส้ม
1
ขาว
ส้ม
ส้ม
2
ส้ม
ขาว
เขียว
3
ขาว
เขียว
ฟ้า
4
ฟ้า
ขาว
ฟ้า
5
ขาว
ฟ้า
เขียว
6
เขียว
ขาว
น้ำตาล
7
ขาว
น้ำตาล
น้ำตาล
8
น้ำตาล
              2.2 สายสัญญาณชนิดไขว้สาย เรียกว่า สายคอสโอเวอร์ ( Crossover ) ในกรณีนี้ใช้เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์สองตัวเข้าด้วยกัน
รูปแสดง การไขว้สาย UTP ชนิดที่เชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอรสองตัว
หัวสายด้านที่ 1
ลำดับสายที่
หัวสายด้านที่ 2
ขาว
ส้ม
1
ขาว
เขียว
ส้ม
2
เขียว
ขาว
เขียว
3
ขาว
ส้ม
ฟ้า
4
ฟ้า
ขาว
ฟ้า
5
ขาว
ฟ้า
เขียว
6
ส้ม
ขาว
น้ำตาล
7
ขาว
น้ำตาล
น้ำตาล
8
น้ำตาล

       3. เมื่อเรี่ยงสายตามสีในขั้นตอนที่ 2 แล้วตัดสายให้เหลือประมาณ 1.5 ซ.ม.
       4. เสียบสาย UTP ที่ตัดและเรียงสีไว้แล้ว เข้าไปในขั้วต่อ RJ45 โดยให้หมายเลขสายที่เรากำหนดไว้ตามขั้นตอนที่ 2 ตรงกับหมายเลขขั้ว RJ45
 5. เสียบขั้ว RJ45 เข้าไปในร่องคีม ดันสาย UTP ให้สนิทอีกครั้ง แล้วใช้มือบีบด้ามคีมให้แน่น โลหะทองเหลืองของขั้ว RJ45 จะเข้าไปสัมผัสกับสายทองแดง ข้อควรระวัง การดึงหัว RJ45 ออกจากคีมให้ใช้มือบีบหางพลาสติกสำหรับล็อกก่อน

วิธีเข้าหัวแลน หรือ หัวRJ-45 ตัวผู้กับสาย UTP-CAT5E
     


ตารางที่ 1 แบบ T568B Crossover 


RJ-45
CABLE (CAT 5)
Pin
Symbol
Color
1
TD+ขาวส้ม
2
TD-ส้ม
3
RX+ขาวเขียว
4
Not Assignedน้ำเงิน
5
Not Assignedขาวน้ำเงิน
6
RX-เขียว
7
Not Assignedขาวน้ำตาล
8
Not Assignedน้ำตาล



ตารางที่ 2 แบบ T568A (Cross)
RJ-45
CABLE (CAT 5)
Pin
Symbol
Color
1
TD+ขาวเขียว
2
TD-เขียว
3
RX+ขาวส้ม
4
Not Assignedน้ำเงิน
5
Not Assignedขาวน้ำเงิน
6
RX-ส้ม
7
Not Assignedขาวน้ำตาล
8
Not Assignedน้ำตาล

วิธีการเข้าหัวทั้ง 2 แบบ 
การเข้าแบบธรรมดา เป็นการเชื่อมต่อแบบต่างอุปกรณ์ เช่น การใช้สายต่อกันระหว่าง คอมพิวเตอร์ กับ Switch หรือ HUB
Crossover Cable
RJ-45 PINRJ-45 PIN
1 Rx+1 Rc+
2 Rc-2 Rc-
3 Tx+3 Tx+
6 Tx-6 Tx-


Straight Through Cable
RJ-45 PINRJ-45 PIN
1 Tx+1 Rc+
2 Tx-2 Rc-
3 Rc+3 Tx+
6 Rc-6 Tx-



- การเข้าแบบไขว้ หรือ Cross เป็นการเข้าสายแบบ เชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ชนิดเดียวกัน เช่น HUB to HUB ,Switch To Swich หรือ คอมพิวเตอร์อ กับ คอมพิวเตอร์ เราสามารถที่จะใช้ระหว่าง คอมพิวเตอร์ กับ NoteBook
Crossover Cable
RJ-45 PINRJ-45 PIN
1 Rx+3 Tx+
2 Rc-6 Tx-
3 Tx+1 Rc+
6 Tx-2 Rc-


Straight Through Cable
RJ-45 PINRJ-45 PIN
1 Tx+1 Rc+
2 Tx-2 Rc-
3 Rc+3 Tx+
6 Rc-6 Tx-

การต่อสาย LAN

สาย LAN


ปัจจุบันสายแลน ใช้สาย 4 คู่ตีเกลียว และเกลียวแต่ละคู้จะมีระยะเกลียวไม่เท่ากัน เพื่อลดการรบกวนระหว่างสาย (Crosstalk) ซึ่งแต่เดิมเป็นปัญหาที่สำคัญมากของสายแลน




รูปภาพ 1 สายแลน
โดยสายที่ใช้ในปัจจุบันเป็นสายที่เรียกว่า Category 5 โดยถูกกำหนดให้สามารถรับส่งสัญญาณข้อมูล (data transmission) ได้ถึง 100 เมกกะบิต ต่อ 1 วินาที (100 megabit per second) และจะเรียกง่ายๆ ว่า CAT5 และโดยการใช้สาย CAT5 ทำให้ต้นทุนของการสร้างระบบเครือข่ายท้องถิ่นลดลง การสร้างระบบเครือข่ายท้องถิ่นง่ายขึ้น
คุณสมบัติที่สำคัญของ CAT5 เป็นสายบิดเกลียว ไม่มีสายชิลด์ หรือเรียกว่า UTP Cable (unshielded twisted pair cable) โดยมีสายทั้งหมด 4 คู่ตีเกลียว หรือ 8 เส้นตัวนำ ตัวนำเป็นสายทองแดงเดี่ยวที่สามารถโค้งงอได้ ซึ่งสายจะต้องติดตั้งสาบแบบเกาะผนัง วางบนเพดาน และห้อยสายเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ได้ รวมทั้งสามารถดัดสายเพื่อต่อเข้ากับ HUB ได้
ปัจจุบัน สาย CAT5 - UTP Cable จะแบ่งเป็น 2 แบบ คือ
  1. T568A - ISDN
  2. T568B - AT&T
โดยจะแตกต่างกันที่การเรียงคู่สีของสาย ซึ่งปัจจุบันใช้ T568B - AT&T

T568A -ISDN


 
รูปภาพ 2 สาย T568A -ISDN และ T568B-AT&T
มีการจัดเรียงคู่สายดังนี้
คู่สายPinสี
คู่สายที่ 3 ต่อระหว่าง ขาที่ 1 และ 2Pin 1wire color: white/green
Pin 2wire color: green
คู่สายที่ 1 ต่อระหว่าง ขาที่ 4 และ 5Pin 4wire color: blue
Pin 5wire color: white/blue
คู่สายที่ 2 ต่อระหว่าง ขาที่ 3 และ 6Pin 3wire color: white/orange
Pin 6wire color: orange
คู่สายที่ 4 ต่อระหว่าง ขาที่ 7 และ 8Pin 7wire color: white/brown
Pin 8wire color: brown
ตาราง 1 การกำหนดคู่สายของ T568A

T568B - AT&T



 
รูปภาพ 3 สาย T568B - AT&T



คู่สายPinสีการใช้งาน
คู่สายที่ 2 ต่อระหว่าง ขาที่ 1 และ 2Pin 1White/OrangeTxData +
Pin 2OrangeTxData -
คู่สายที่ 3 ต่อระหว่าง ขาที่ 3 และ 6Pin 3White/GreenRecvData+
Pin 6GreenRecvData-
คู่สายที่ 1 ต่อระหว่าง ขาที่ 4 และ 5Pin 4Blue
Pin 5White/Blue
คู่สายที่ 4 ต่อระหว่าง ขาที่ 7 และ 8Pin 7White/Brown
Pin 8Brown
ตาราง 2 การกำหนดคู่สายของ T568B

หัวต่อสายแลน RJ-45 Plug


 
รูปภาพ 4 หัวต่อสายแลน RJ-45 Plug
ขาของ RJ-45 plug จะเรียงจาก 1 ถึง 8 การนับลำดับที่ของขาให้ดำเนินการดังนี้
  1. เดือยยึดของ RJ-45 plug ลงล่าง
  2. ขาทองแดงขึ้นด้านบนและหันออกนอกตัว
  3. ขาที่ 1 จะนับจากด้านซ้ายมือ

คีมย้ำสายแลนกับ RJ-45 plug


 
รูปภาพ 5 ลักษณะทั่วไปของคีมย้ำสายแลน
ส่วนประกอบของคีมย้ำสายแลนจะมีดังนี้
  1. มีดปอกสาย


รูปภาพ 6 มีดปอกสาย
สำหรับปอกฉนวนนอก และจะต้องปอกด้วยความระมัดระวังอย่าให้คมมีดบาดเข้าไปที่สายเส้นเล็ก
  1. ก้านรับปลายสาย


รูปภาพ 7 ก้านรับปลายสาย
ใช้คู่กับมีดปอกสาย เพื่อได้ความยาวสายตามที่ต้องการ
  1. มีดตัดสาย


รูปภาพ 8 มีดปอกสาย

  1. หัวย้ำสายด้านทองแดง


รูปภาพ 9 หัวย้ำสายด้านทองแดง
สำหรับกดหัวทองแดงให้ทะลุฉนวนสายและไปกดกับตัวนำไฟฟ้าของสายแต่ละเส้น
  1. หัวย้ำยึดสาย


รูปภาพ 10 หัวย้ำยึดสาย
สำหรับกดตัวยึดสายให้แน่นกับ RJ-45 plug

การต่อสายแลนเข้าหัวสาย

  1. ปอกสาย


รูปภาพ 11 การปอกสาย

  • ตัดปลายสายให้เสมอกัน
  • สอดสายเข้าระหว่างมีปอกสาย โดยให้ปลายสายยันกับก้านรับปลายสาย
  • กดมีดปอกสายเบาๆ พร้อมหมุนสายโดยให้คมมีดบาดเข้าเฉพาะฉนวนนอก
    อย่าให้คมมีดบาดเข้าฉนวนสายเส้นนำสัญญาณแต่ละเส้น
  • นำคีมออกจากสายและดึงฉนวนนอกออก
  1. แยกคู่สายนำสัญญาณออกจากกัน


รูปภาพ 12 การแยกคู่สายออกจากกัน

  1. เรียงเส้นของสายนำสัญญาณ โดยต้องเรียงให้ถูกต้องกับการใช้งาน (สายต่อตรง หรือ สายต่อไขว้) และตัดปลายสายทุกเส้นให้เสมอกัน


รูปภาพ 13 การเรียงเส้นของสายนำสัญญาณ

  1. สอดสายเข้าใน RJ 45 Plug


รูปภาพ 14 สอดสายเข้าใน RJ 45 Plug

  1. 5. ลักษณะการสอดสายที่ดีจะมีดังนี้


รูปภาพ 15 ลักษณะการสอดสายที่ดี

    • ปลายสายนำสัญญาณต้องชนขอบในของ RJ 45 Plug
    • ฉนวนนอกต้องอยู่ใต้ตัวยึดสาย
  1. นำสายที่สอดใน RJ 45 Plug สอดเข้าในคีมบีบ


รูปภาพ 16 การสายที่สอดใน RJ 45 Plug สอดเข้าในคีมบีบ

การเรียงสายนำสัญญาณ

การเรียงสายนำสัญญาณเพื่อการเข้า RJ-45 Plug นั้น จะมีการเรียงสาย 2 แบบ คือ
  1. แบบต่อตรง (Straight-Through Ethernet Cable) โดยปลายสายทั้งสองด้านจะมีการเรียงสีในเหมือนกันตามแบบมาตรฐานที่กำหนด ใช้สำหรับต่อสายระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์และ Hub
  2. แบบต่อไขว้ (Straight-Through Ethernet Cable) โดยปลายสายด้านหนึ่งจะสลับสายกับปลายสายอีกด้านหนึ่ง ซึ่งการเรียงเส้นสายนำสัญญาณเป็นตามมาตรฐานที่กำหนด
  3. บีบคีมให้กด RJ 45 Plug ให้แน่นกับสาย


รูปภาพ 17 การย้ำหัวสายให้แน่น

    • หัวย้ำทองแดงจะต้องกดทองแดงให้เขี้ยวฝังทะลุฉนวนของสายตัวนำไปชนกับตัวนำแต่เส้นสายสัญญาณ
    • หัวย้ำตัวยึดสายต้องกดตัวยึดสายให้กดลงในฉนวนนอกเพื่อทำให้สายยึดกับหัว RJ-45 ให้แน่น

การเรียงสีของสายสัญญาณ

การเรียงสีของสายสัญญาณ เพื่อการเข้าหัวสาย RJ-45 Plug จะมี 2 แบบ
  1. แบบต่อตรง (Straight-Through Ethernet Cable) โดยปลายทั้งสองข้างจะมีการเรียงสีเหมือนกันตามที่กำหนดไว้เป็นมาตรฐาน ใช้งานดังนี้
    • ต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์และ Hub
    • ต่อระหว่าง Uplink Port ของ Hub ตัวที่1 ไปยัง Port ปกติของ Hub ตัวที่2 ซึ่งเป็นการเพิ่ม Port สำหรับต่อเชื่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย


รูปภาพ 18 การต่อ Uplink ระหว่าง Hub 2 ตัว โดยใช้สายแลนแบบต่อตรง

  1. แบบต่อไขว้ (Crossover Ethernet Cable) โดยสลับสายนำสัญญาณระหว่างหัวสาย RJ-45 Plug ทั้งสองด้าน โดยการสลับสายจะต้องเป็นตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ใช้งานดังนี้
    • ต่อตรงระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง
    • ต่อระหว่าง Hub 2 ตัว โดยไม่มีการใช้ Uplink Port


รูปภาพ 19 ต่อระหว่าง Hub 2 ตัว โดยไม่มีการใช้ Uplink Port และใช้สายแลนแบบต่อไขว้
สายแลนทีใช้จะเป็นสาย CAT5 ที่รู้จักกันมากคือ CAT5-A CAT5-B แต่ปัจจุบันสายที่ใช้งานและมีขายมากจะเป็น CAT5-B ดังนั้น การเรียงสีของสายนำสัญญาณในเอกสารนี้จะกล่าวเฉพาะการเรียงสีของ CAT5-B เท่านั้น

การต่อสายแลนแบบต่อตรง



รูปภาพ 20 การต่อสายแลนแบบต่อตรงของ CAT5B หรือ T-568B
การเรียงสีของสายสัญญาณ
Pin 1Orange/WhiteTx1==>1
Pin 2OrangeTx2==>2
Pin 3Green/WhiteRx3==>3
Pin 4Blue-
Pin 5Blue/White-
Pin 6GreenRx3==>3
Pin 7Brown/White-
Pin 8Brown-

การต่อสายแลนแบบต่อไขว้



รูปภาพ 21 การต่อสายแลนแบบต่อไขว้
การเรียงสีของสายสัญญาณ
Pin 1Orange/WhiteTx1==>3
Pin 2OrangeTx2==>6
Pin 3Green/WhiteRx3==>1
Pin 4Blue-
Pin 5Blue/White-
Pin 6GreenRx6==>2
Pin 7Brown/White-
Pin 8Brown-